รีแบรนด์ Accor Plus เป็น ALL+
บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจาก Accor Plus โดยทาง ChaiMiles
เป็นผู้รวบรวมและเรียบเรียง
เพื่อนำเสนอข้อมูลสิทธิประโยชน์ของสมาชิกเครือโรงแรม
โดยบทความนี้ไม่ใช่บทความของเจ้าของผลิตภัณฑ์
และไม่ได้รับการสนับสนุนแต่อย่างใด | ChaiMiles อาจจะได้รับผลตอบแทนจากการคลิก
link ในบทความ ขอบคุณที่สนับสนุน ChaiMiles
ALL+ Explorer คืออะไร
Accor Plus
ประกาศรีแบรนด์ครั้งใหญ่ โดยเปลี่ยนจาก Accor Plus ที่มีขายอยู่หลากหลายรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น Accor Plus Traveller | Accor Plus Explorer | Accor Plus Explorer
Plus เป็น ALL+ Explorer โดยราคาสมาชิกจะอยู่ที่ 229 USD
สำหรับสมาชิก Accor Plus เดิม จะถูกโอนย้ายไปเป็น ALL+ Explorer ตั้งแต่ 1 ตุลาคม
2025 เป็นต้นไป และสิทธิประโยชน์ทั้งหมด จะอ้างอิงตาม ALL+ Explorer ตั้งแต่ 1
ตุลาคม 2025 เป็นต้นไป
รายละเอียดการเปลี่ยนแปลง
ALL+ Explorer มีการเปลี่ยนแปลงสิทธิประโยชน์ใหม่ทั้งหมด 4 หัวข้อ
- การใช้ฟรีไนท์ (Stay Plus)
- ส่วนลดค่าอาหาร เครื่องดื่ม
- ส่วนลดห้องพัก
- Status Night และการคำนวณสถานะ
การใช้ฟรีไนท์ (Stay Plus)
เดิม - Stay Plus ที่ได้รับจากการสมัคร Accor Plus Explorer หรือ Accor Plus Explorer Plus
สามารถใช้สิทธิ์ได้ใน Asia Pacific โดยไม่กำหนดจำนวนคืนขั้นต่ำ ความหมายคือ
เราสามารถใช้ Stay Plus นอนฟรี 1 คืน ก็ได้
ถ้าโรงแรมที่เข้าร่วมยังมีโควต้าเหลืออยู่
ใหม่ - สมาชิก ALL+ Explorer จะได้รับฟรีไนท์ (Stay Plus) 2 คืน
สามารถใช้ได้ใน Asia Pacific โดยจะต้องเข้าพักอย่างน้อย 2 คืนติดต่อกัน
ความหมายคือ เวลาใช้ Stay Plus จะต้องจองโรงแรมนั้นๆ 2 คืน (ฟรี 1 คืนจาก Stay
Plus และจะต้องจ่ายเองอีก 1 คืน)
การปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ใหม่ ทำให้ใช้สิทธิ์ Stay Plus ได้ยากขึ้น
โดยเฉพาะคนที่จองโรงแรมเพื่อเข้าพักช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ในประเทศไทย
แต่สำหรับคนที่มีแพลนเที่ยวต่างประเทศ การเข้าพัก 2 คืนติดต่อกัน
ไม่ได้ถืว่าเป็นเงื่อนไขที่ยากอะไร
ส่วนลดอาหารและเครื่องดื่ม
เดิม -
Accor Plus
สามารถใช้ลดค่าอาหารได้สูงสุด 50% (เมื่อรับประทานอาหาร 2 คน)
และส่วนลดจะลดลงตามจำนวนคนที่เพิ่มขึ้น เช่น 3 คน ลด 33% และ 4 คน ส่วนลดจะเหลือ
25% เป็นต้น
ใหม่ - ALL+ Explorer สามารถใช้ส่วนลดได้สูงสุด 30% สูงสุด 10 คน
ความหมายคือ ไม่ว่าจะรับประทานอาหาร 2 คน หรือ 10 คน ก็จะได้ส่วนลด 30%
เท่ากันหมด
ในส่วนของส่วนลดค่าเครื่องดื่มยังคงเดิมที่ 15%
และมีการเพิ่มเงื่อนไขใหม่ขึ้นมาสำหรับ ALL+ Explorer
โดยส่วนลดเครื่องดื่มจะลดลงเหลือ 10% สำหรับการรับประทานอาหารเป็นกลุ่ม 11 - 20
คน
การปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ส่วนลดอาหาร และเครื่องดื่ม คือลดสิทธิ์ลงจาก 50% -
30% สำหรับการรับประทานอาหาร 2 คน
แต่เพิ่มส่วนลดให้กับการรับประทานอาหารเป็นกลุ่มสูงสุด 10 คน
เหมาะสำหรับครอบครัวใหญ่
ส่วนลดโรงแรม
เดิม -
Accor Plus
จะได้ส่วนลดจาก Public Rate 10% และสามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นต่างๆของ ALL Accor
ได้ทั้งหมด เช่น ALL Accor ลด 30% ให้คนทั่วไป สมาชิก Accor Plus ก็จะได้ส่วนลด
40%
ใหม่ - ALL+ Explorer จะได้ส่วนลด 15% จาก Best Available Public
Rate (BAR) เท่านั้น และจะไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรโมชั่นอื่นๆของ ALL Accor
ได้อีกด้วย เช่น (ALL Accor ออกโปรโมชั่นส่วนลด 30% สำหรับบุคคลทั่วไป สมาชิก
ALL+ Explorer ก็จะได้ส่วนลด 30% เท่ากัน)
การปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ในส่วนของห้องพัก ถือเป็นการลดสิทธิประโยชน์หลักของ
Accor Plus เดิมลงเยอะเลย เพราะสำหรับเครือ Accor แล้ว การจองราคา BAR
มีโอกาสหลังหักสูงมาก โดยปรกติ ChaiMiles ก็จะแนะนำให้จองตอนมีโปรโมชั่นส่วนลด
30% - 40% เท่านั้น
Status Night และการเก็บสถานะ
เดิม -
Accor Plus
จะได้ 20 Status Night เทียบเท่ากับสถานะ ALL Accor Live Limitless Silver
และสามารถใช้ Accor Plus ในการยืดอายุสถานะได้
ใหม่ - ALL+ Explorer จะได้ 30 Status Night เทียบเท่ากับสถานะ
ALL Accor Live Limitless Gold และไม่สามารถใช้ยืดอายุสถานะได้อีกแล้ว
ความพิเศษอย่างนึงของ Accor Plus คือสามารถใช้ยืดอายุสถานะเดิม ไปจนถึงวันหมดอายุ
Accor Plus ได้ แต่เมื่อเปลี่ยนมาเป็น ALL+ Explorer แล้ว แม้ว่าจะให้สถานะ ALL Accor Live Limitless Gold
แต่สิทธิประโยชน์ก็ไม่ได้ต่างกับ Silver เลย
การเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้ ทำให้การ Maintain สถานะ ALL Accor Live Limitless
แบบปีเว้นปี ต้องมาเก็บใหม่ทุกปีเหมือนเครืออื่นๆ
สรุปรายละเอียด
การปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์รอบนี้ เป็นการลดสิทธิประโยชน์เดิม
และเพิ่มเงื่อนไขในการใช้สิทธิประโยชน์ต่างๆให้มีความซับซ้อนในการใช้งานมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่น่าสนใจคือ
สมาชิก Accor Plus
เดิมที่สมัคร หรือต่ออายุเพื่อยืดสถานะ ALL Accor Live Limitless Platinum
เมื่อถูกโอนย้ายไป ALL+ แล้ว
ระบบจะยังคงยืดสถานะไปจนถึงวันหมดอายุตามเดิมหรือเปล่า
หรือจะปรับสถานะลงตามเงื่อนไขใหม่ ณ วันที่ 1 มกราคม 2026