-->

Trending

St.Regis Bangkok Grand Metropolitan Suite

 

St.Regis เป็นโรงแรมระดับ Luxury ของเครือ Marriott โดยมีจุดเด่นอยู่ที่ butler service ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง (เอาจริงๆก็ไม่ได้เรียกใช้ butler service สักเท่าไหร่ ชา กาแฟ ก็มีให้ครบในห้อง ส่วนใหญ่ที่คนเรียกใช้บริการจะเป็นการตีฟองอ่างอาบน้ำ)

ทำเลที่ตั้ง (Location)

อีก 1 จุดเด่นของ St.Regis คือตัวโรงแรมตั้งอยู่ติดกับรถไฟฟ้าราชดำริ โดยมีทางเชื่อมจากรถไฟฟ้าเข้าสู่ตัวโรงแรมได้เลย แถมยังใกล้ทั้ง Central World และ Gaysorn เหมาะกับสาย Shopping เป็นอย่างมาก

ห้องพัก (Grand Metropolitan Suite)

สำหรับห้องพักที่จะรีวิวในวันนี้เป็นห้องประเภท Grand Metropolitan Suite ขนาดห้องประมาณ 103 - 112 ตารางเมตร


เข้ามาภายในห้อง ทางทีมแม่บ้านมีวางผลไม้ต้อนรับพร้อมขนม ตกแต่งด้วยดอกไม้

ภายในตัวห้องจะแบ่งสัดส่วนชัดเจน 1 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น ซึ่งเหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างมาก

ห้องนั่งเล่นจะมีชุดโซฟา โต๊ะทานข้าวขนาด 4 คน ทีวีจอใหญ่ของ LG และโต๊ะทำงาน

สิ่งอำนวยความสะดวกในห้อง จะมีเครื่องชงกาแฟ Miele (ใช้แคปซูล Nespresso) ไมโครเวฟ และตู่เย็นอีก 2 ตู้ เรียกได้ว่าจัดเต็มสุดๆ

ภายในห้องนอนจะมีเตียง King Size หันหน้าออกทางกระจก มีทีวีขนาดใหญ่ของ LG เช่นเดียวกัน

Amenities ในห้องจะเป็นของ ELEMIS


ภายในห้องน้ำแบ่งสัดส่วน มีอ่างอาบน้ำขนาดกลาง อ่างล้างมือ 2 ฝั่ง ส่วนเปียกสำหรับอาบน้ำ และส่วนแห้งสำหรับทำธุระ


สำหรับสมาชิก Marriott Bonvoy ตั้งแต่ Platinum elite ขึ้นไป ทางโรงแรมจะมี Elite Bar Menu ที่มี cocktail, wines, spirits ให้เลือกหลากหลาย สามารถสั่งผ่าน butler service ได้ท่านละ 1 แก้ว / ห้อง / คืน โดยเครื่องดื่มจะมาพร้อมคานาเป้ 

สนใจอ่านรายละเอียด Marriott Bonvoy กดดูเพิ่มเติมได้ที่นี่

สิ่งเดียวที่ขาดไปสำหรับห้องนี้จะเป็นเรื่องวิวในห้องน้ำและห้องนอน เนื่องจากตัวห้องเป็นกระจกบานใหญ่ และอยู่ใกล้ตึกสูงข้างๆ ทำให้ไม่สามารถเห็นวิวโล่งๆได้

สำหรับคนที่ต้องการห้องวิวสวย แนะนำให้จองห้องประเภท Carolina Astor Suite จะได้วิวสนามกอล์ฟแบบเต็มๆ

อาหารเย็นที่ห้องอาหารวูร์ (Dinner at Viu Restaurant)

ทาง St.Regis Bangkok มีปล่อย package Gastronoic Stay ออกมา ซึ่งเป็น package ที่รวมห้องพักและอาหารเย็น (7-courses dinner) ที่ห้องอาหารวูร์
ในส่วนของห้องอาหารวูร์ จะเปิดขายทั้ง a la carte เมนู และ set dinner (มีทั้ง 7-courses และ 11-courses) 

1. Hokkaido Scallop Ceviche


course จานเรียกน้ำย่อย เป็นหอยเชลล์ฮอกไกโดแล่บาง ราดด้วย citrus dressing, lemon zest และ on-top ด้วยไข่ปลาแซลมอน
จานนี้ทำออกมาได้ดี ด้วยวัตถุดิบอย่างหอยเชลล์ที่ยังคงสดใหม่ ผ่านการปรุงรสเบาๆแบบเรียบง่าย เน้นชูรสชาติของตัววัตถุดิบหลักอย่างหอยเชลล์

2. Grilled romaine, crisp parma ham



course ที่สอง สลัดพาร์ม่าแฮม ที่เชฟนำผักสลัดมาม้วนด้วยพาร์ม่าแฮม ราดด้วย Roquefort cream 
แม้ว่าจะเป็นจานสลัดธรรมดาๆ แต่ก็เป็นอีก 1 จานที่ตกแต่งออกมาได้สวยงาม แถมรสชาติก็เข้ากันอย่างลงตัว ความสดกรอบของผักสลัดที่ทานพร้อมพาร์ม่าแฮม ราดด้วย Roquefort cream ที่ให้รสชาติเข้มข้นและกลิ่นสัมผัสของชีสแสนอร่อย เป็นอีกจานที่ไม่ควรพลาด

*Roquefort เป็นภาษาฝรั่งเศส หมายถึง blue cheese ที่ผลิตจากนมแกะ เป็นหนึ่งใน blue cheese ที่นิยมมากชนิดหนึ่งของโลก

3. Lobster bisque soup



course ที่สาม เป็น Lobster bisque soup เสิร์ฟพร้อม Parmesan crispy bread
สีส้มน่าดึงดูดของครีมซุปที่ปรุงรสอ่อนๆ ทำให้ได้รสชาติของล็อบสเตอร์เป็นอย่างดี แถมในซุปยังมีเนื้อล็อบสเตอร์ช่วยเพิ่มสัมผัสที่ดีในแต่ละคำอีกด้วย โดยรวมจานนี้ก็ทำออกมาได้ดี แม้ว่าเนื้อล็อบสเตอร์จะออกแห้งไปหน่อยก็ตาม

4. Roasted Free-range chicken


course ที่สี่ เป็น roast free-range chicken ราดซอส เสิร์ฟคู่กับ sweet green pea puree, sauteed green pea และ baby carrot
จานนี้เป็นจานที่ fail ที่สุดของมื้อนี้ ด้วยความที่ไก่อบออกมาแห้งเกินไป แครอทที่ยังไม่นิ่มพอ และการปรุงรสของ sweet green pea puree ที่อ่อนเกินไป ทำให้ภาพรวมของจานนี้ไม่ผ่านทั้งรสชาติและรสสัมผัสของวัตถุดิบ

5.Seared Norwegian Salmon


course ที่ห้า เป็นแซลมอลนอร์เวย์ย่าง ราดด้วย Saffron cream sauce เสิร์ฟคู่กับ White wine flamed black mussel และ Zucchini

แซลมอลหนังกรอบที่สุกกำลังพอดี ทำให้เนื้อยังคงชุ่มฉ่ำ ทานคู่กับ Saffron cream sauce เข้ากันอย่างลงตัว ส่วนตัว black mussel ก็สดใหม่รสชาติดี

6. Half-Grilled Boston Lobster


course ที่หก เป็น พาสต้าหมึกดำคลุกกับ Lobster sauce เสิร์ฟพร้อม Lobster ย่าง
จานนี้จะเป็น main course (สามารถเลือกได้ว่าจะรับเป็น ล็อบสเตอร์ หรือ เนื้อวากิว) เส้นพาสต้าลวกมาได้สุกกำลังพอดี คลุกเคล้ากับ Lobster cream sauce ที่ได้รสของล็อบสเตอร์แบบเต็มๆ ส่วนตัวหลักอย่างล็อบสเตอร์ น่าเสียดายที่ย่างมาสุกเกินไปทำให้เนื้อแห้งไปเล็กน้อย

7. Passion Fruit Chocolate Tart with Coconut Merinque



course ที่เจ็ม ปิดท้ายด้วยขนมหวานอย่าง Chocolate Tart ราดด้วย Passion fruit cream ทานคู่กับมะม่วงและเมอแรงมะพร้าว

อาหารเช้าที่ห้องอาหารวูร์ Breakfast)


Package Gastronomic Stay จะรวมอาหารเช้าทั้ง 2 วัน จึงได้มีโอกาสลองทั้งในส่วนของ buffet และ a la carte

สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ ทางโรงแรมจะจัดเป็น buffet อาหารค่อนข้างหลากหลายและน่าสนใจ อย่างน้ำผลไม้ก็จะมีทั้งน้ำมะพร้าว น้ำผลไม้แยกกาก รวมถึงขนมหวานอย่างข้าวเหนียวมะม่วงก็อร่อยดี

สำหรับวันธรรมดา อาหารเช้าจะเป็น a la carte สามารถสั่งได้ไม่จำกัด มีให้เลือกเกือบ 10 set สามารถสั่งเมนูไข่ side dish ผลไม้ เครื่องดื่มได้ไม่จำกัดเช่นกัน (สามารถสั่งมาทานบนห้องได้)

ส่วนตัวแนะนำให้ไปวันเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากความหลากหลายของอาหารที่ดีกว่า แต่ก็แลกกับปริมาณคนที่มากหน่อย

สระว่ายน้ำ

สระว่ายน้ำของที่นี่ขนาดไม่ได้ใหญ่มาก แต่ก็สามารถว่ายออกกำลังกายได้พร้อมกัน 2-3 คน มีโซนจากุชชี่ให้แช่สบายๆ

เนื่องจากช่วงนี้ fitness ยังไม่เปิดให้บริการ ทางโรงแรมจึงนำอุปกรณ์ออกกำลังกายบางส่วนมาไว้ใกล้ๆกับสระว่ายน้ำ สามารถใช้บริการได้ โดยไม่ต้องจองล่วงหน้า อุปกรณ์ก็จะมี ดัมเบล ที่ปั่นจักรยาน

บรรยากาศโดยรอบถือว่าค่อนข้างดี ลมเย็น พนักงานส่วนนี้ก็บริการได้ดี

สรุป Gastronomic Stay

บริการ ถือว่าดี ตั้งแต่งานบริการกระเป๋า check-in พนักงานห้องอาหาร สระว่ายน้ำ และ The Lounge ที่ขาย bakery

อาหารเช้า ถือว่าหลากหลาย คุณภาพดี รสชาติใช้ได้ โดยเฉพาะวันที่จัดเป็น buffet

อาหารเย็น 7 course เมนูทำออกมาได้ดี จัดจานสวย วัตถุดิบดี ปรุงรสชาติไม่จัดมาก เน้นรสชาติของวัตถุดิบ แม้จะมีบางจานที่ผิดพลาด แต่โดยรวมก็อร่อยและน่าลอง

ห้องพัก Grand Metropolitan Suite (high floor) สภาพห้องสวยงาม มีขนาดใหญ่ แบ่งสัดส่วนได้ลงตัว เหมาะกับการพักผ่อนและ WFH อาจจะมีข้อเสียบ้างตรงส่วนจากกระจก แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นข้อจำกัดของห้อง ใครอยากได้วิวสวย ต้องขยับไป Carolina Astor Suite ที่จะได้วิว Royal Bangkok Sport Club เต็มๆ

ราคา package Gastronomic เริ่มต้นที่ 6,xxx บาท ถือว่าคุ้มค่าและน่าลองมาก แบบว่ามาครั้งเดียวครบจบทั้งห้องพักและอาหาร St.Regis Bangkok

Post a Comment

Previous Post Next Post