บทความนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากการประสบการณ์การเข้าพักที่ Courtyard by
Marriott Hakuba โดยทาง ChaiMiles เป็นผู้รวบรวมและเรียบเรียง
เพื่อนำเสนอข้อมูลในการเข้าพักที่ Courtyard by Marriott Hakuba
บทความนี้ไม่ใช่บทความของเจ้าของผลิตภัณฑ์
และไม่ได้รับการสนับสนุนแต่อย่างใด
1. Courtyard by Marriott Hakuba
2. วิธีการเดินทางไป Courtyard by Marriott Hakuba
3. Check-in ที่ Lobby Area
4. Marriott Bonvoy Elite Benefit
4.1 Self-Bar Lounge
5. สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม
5.1 Public Bath
5.2 Complimentary Drink
5.3 Shuttle Bus ไปสถานที่ท่องเที่ยว
6. รีวิวห้องพักแบบมี Onsen ส่วนตัว
7. อาหารเช้าที่ LavaRock
8. อาหารเย็นที่ LavaRock
9. สรุปรายละเอียดการเข้าพัก
Courtyard by Marriott Hakuba
โรงแรม Courtyard by Marriott Hakuba เป็นโรงแรม 3 ดาวในเครือ Marriott
อยู่ที่เมือง Hakuba ประเทศญี่ปุ่น โดยตัวโรงแรมจะมีทั้งหมด 3 ชั้น และมี 1
ห้องอาหารชื่อ LavaRock เปิดให้บริการเฉพาะอาหารเช้า และมื้อเย็นเท่านั้น
Courtyard by Marriott Hakuba ตั้งอยู่ในเมือง Hakuba
ที่ขึ้นชื่อเรื่องการเดินเขาและสกี
ราคาที่พักในโซนนี้จะราคาสูงตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีไปจนถึงฤดูหนาว
การแลกที่พักด้วย Point Redemption ผ่าน Marriott Bonvoy
จึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ โดยทริปนี้ ChaiMiles ใช้ 92,000 คะแนน
แลกห้องพักที่ Courtyard by Marriott Hakuba ทั้งหมด 5 คืนด้วยกัน โดยการใช้
Point แลกที่พัก สมาชิก Marriott Bonvoy Platinum / Titanium / Ambassador
จะยังคงได้รับสิทธิประโยชน์ทั้งหมด เช่นเดียวกันการจองที่พักแบบจ่ายเงิน
(การจองที่พักแบบ Point Redemption
จะไม่สามารถเข้าร่วมโปรโมชั่นสะสมคะแนนต่างๆได้)
สามารถดูบรรยากาศรอบๆโรงแรม บริเวณล็อบบี้ และภายในห้องพักได้ตามคลิปด้านล่าง
วิธีการเดินทาง
การเดินทางมาเมือง Hakuba
สามารถมาได้ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะทั้งรถบัสและรถไฟ
สำหรับรถสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟ หรือรถบัส
จะมีจุดขึ้นลงที่เดียวกันคือสถานีรถไฟ Hakuba การเดินทางที่สะดวกที่สุด
คือเดินทางด้วยรถไฟ Azusa จากสถานี Shinjuku มาลงที่สถานี Hakuba
ราคาต่อเที่ยวประมาณ 8,050 เยน (สามารถใช้บัตร JR Pass ได้) /
สำหรับคนที่ต้องการประหยัดค่าเดินทาง ก็สามารถมาด้วยรถบัสโดยขึ้นจากสถานี
Shinjuku ราคา 5,800 เยน
เมื่อเดินทางมาถึงสถานี Hakuba แล้ว จะต้องต่อรถแท็กซี่ไปยังโรงแรม ระยะทาง 2.5
km ใช้เวลาประมาณ 5-10 นาที (ราคาแท็กซี่ประมาณ 1,340 เยน) ทางโรงแรม Courtyard by Marriott Hakuba ไม่มีรถรับ-ส่งระหว่างโรงแรมและสถานี
Hakuba
สำหรับคนที่มีกระเป๋าเดินทางมาด้วย แนะนำให้นั่งแท็กซี่ไปนะครับ
บริเวณรอบๆโรงแรมจะรายล้อมด้วยต้นไม้มากมาย
มาช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้บรรยากาศสวยๆไปอีกแบบนึง
สำหรับคนที่เช่ารถยนต์ส่วนตัวมา ทางโรงแรมมีที่จอดรถให้ฟรี
สามารถจอดได้ที่ลานจอดรถของโรงแรม หรือบริเวณหน้าโรงแรมตามภาพ
Check-in ที่ Lobby
เมื่อเดินเข้ามาภายในโรงแรม จะเจอกับ Counter Check-in บริเวณ lobby ทันที
มีพนักงานต้อนรับ และดูแลเป็นอย่างดี พนักงานส่วนใหญ่จะสื่อสารด้วยภาษาญี่ปุ่น
แต่ก็จะมีพนักงานที่สื่อสารภาษาอังกฤษได้ประจำอยู่ที่ Counter
ขั้นตอนการ Check-in ใช้เวลาไม่นาน พนักงานต้อนรับยืนยันสถานะ Titanium Elite
ของทาง ChaiMiles พร้อมทั้งอธิบายสิทธิประโยชน์ และแจกแจงรายละเอียดครบถ้วน
ถือว่าน่าประทับใจมาก
สำหรับคนที่เข้าพักหลายคืน ทางโรงแรมมี Option
ให้เลือกเรื่องการทำความสะอาดห้องพัก
ถ้าไม่ต้องการให้แม่บ้านเข้าทำความสะอาดทุกวัน (เปลี่ยนผ้าขนหนู
และเติมน้ำขวดวางไว้หน้าห้อง) จะได้รับคะแนน Marriott Bonvoy เพิ่มเติมคืนละ 500
คะแนน
บริเวณ Lobby จะมีของทานเล่น ลูกอม เครื่องดื่ม (น้ำเปล่า ชา กาแฟสด)
เป็นแบบบริการตัวเอง สามารถหยิบมานั่งกินเล่นระหว่างรอได้เลย
บริเวณ Lobby ตกแต่งน่ารักและอบอุ่นมากๆ
ส่วนตัวชอบ Lobby ของ Courtyard by Marriott Hakuba มาก
เพราะมีกระจกบานใหญ่เปิดรับแสดง แถมวิวรอบๆโรงแรมก็เขียวขจี
รู้สึกว่าได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ
สำหรับครอบครัวใหญ่ไม่ต้องกังวล มีที่นั่งโซฟาให้พร้อม
สิทธิประโยชน์สมาชิก Marriott Bonvoy
สำหรับสมาชิก Marriott Bonvoy Platinum Elite / Titanium Elite / Ambassador
Elite ทางโรงแรมให้สิทธิประโยชน์ครบถ้วน จัดเต็มไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวแต่อย่างใด
- Upgrade ห้องพัก (ChaiMiles ได้ upgrade เป็นห้อง onsen ส่วนตัว)
- Complimentary Breakfast ทุกวัน
- Self-Bar Lounge Access ทุกวัน (ไม่จำกัดจำนวนเครื่องดื่ม)
- Late Check-out (ChaiMiles ขอถึง 14:00 ได้ตามที่ Request)
ก่อนหน้าที่จะ Check-in ห้องพักของ ChaiMiles
ยังคงแสดงเป็นห้องเริ่มต้นที่แลกคะแนนห้องพักมา แต่เมื่อมาถึงโรงแรม
พนักงานก็แจ้ง Upgrade ห้องพักให้ แม้ว่าจะเป็นการเข้าพักระยะยาว 5 คืน
และเป็นช่วงที่คนแน่นมากๆก็ตาม ก็ต้องขอขอบคุณโรงแรมที่ใจดีกับ Elite Member
เพราะห้องพักแบบ Onsen ส่วนตัวนี่ดีมากจริงๆ
Self-Bar Lounge
Self-Bar Lounge เป็นสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิก Marriott Bonvoy Platinum /
Titanium / Ambassador Elite โดยจะเปิดให้บริการ 2 ช่วง
- อาหารพร้อมเครื่องดื่ม เวลา 17:00 - 19:00
- เครื่องดื่ม 19:00 - 20:30
สำหรับสายดื่ม สามารถ enjoy กับเครื่องดื่มได้เต็มๆเกือบ 4 ชั่วโมง
สามารถเลือกนั่งบริเวณไหนใน lobby ก็ได้ และจะต้องแสดงบัตร Self-Bar Lounge
Access ให้กับทางพนักงาน หรือวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้พนักงานรับทราบ
อาหารภายใน Lounge จะมีทั้งอาหารคาวหวาน สลัดบาร์ ใครที่มื้อเย็นทานไม่เยอะ
สามารถมาฝากท้องที่นี่ได้เลย อย่างวันที่ ChaiMiles ไปก็จะมี พิซซ่า / มันจู /
เปาะเปี๊ยะ
ตรงมุมนี้อาหารจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆทุกวัน บางวันเป็นไก่ทอด บางวันก็เป็นกุ้งทอด
สายสุขภาพก็จะมีเมนูคล้ายๆยำ สลัดบาร์ ชีส และ Canape
ขนมหวานจะวนอยู่ 2-3 วันต่อรอบ ส่วนใหญ่จะเป็นบราวนี่ เอแคลร์ บัตเตอร์เค้ก
ส่วนของหวานหนักก็จะมี Apple Pie / Fruit Punch ตรงนี้ก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ วนรอบ
2-3 วันก็จะกลับมาเป็น Apple Pie ใหม่ โดยรวมถือว่าอร่อยเลย
เครื่องดื่มก็บริการตัวเอง ความหลากหลายถือว่ายืน 1 เหนือ 5 ดาวเมืองไทยไปแล้ว
แค่เบียร์ก็มีให้เลือกถึง 8 อย่าง แถมยังมี White Wine และ Champagne
เตรียมให้พร้อม
ส่วนใครชอบเบียร์สดก็กดเครื่องได้เลย แก้วพร้อม
สาย Liquor ก็มีให้เลือกเยอะ ใครเก่งผสม Cocktail น่าจะชอบ
คนที่ชอบความซ่าโดนใจสไตล์ญี่ปุ่น ก็มี Sparkling Sake ให้ได้ลองด้วย
ภาพรวมอาหารและเครื่องดื่มใน Lounge ถือว่าดีกว่าโรงแรม 5
ดาวในเมืองไทยหลายๆที่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะเครื่องดื่มนี่มีความหลากหลายสูงมาก
คุณภาพก็ถือว่าดี โดยเฉพาะ Champagne และเบียร์
สิ่งอำนวยความสะดวกในโรงแรม
โรงแรม Courtyard by Marriott Hakuba เป็นอีก 1
โรงแรมที่ค่อนข้างสะดวกสำหรับการท่องเที่ยวในเมือง Hakuba เพราะมีรถ Shuttle Bus
ที่สามารถขึ้นลงจากหน้าโรงแรม ไปสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆใน Hakuba ได้ทั้งหมด
โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
แถมยังมีส่วนลดสำหรับซื้อตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวดังๆอย่าง Happo One / Iwatake
/ Tsugaike อีกด้วย
Public Onsen
Courtyard by Marriott Hakuba ตั้งอยู่ในเมือง Hakuba
ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องบ่อน้ำแร่ ทางโรงแรมจึงมี Public Onsen ให้บริการอยู่ด้วย
ซึ่งจะเป็นห้องออนเซ็นแยกระหว่างชาย-หญิง และบ่อแช่ Onsen จะมีทั้งแบบ Indoor และ
Outdoor โดยจะอยู่ที่บริเวณชั้น 2 สามารถใช้บริการได้ทั้งช่วงเช้าและเย็น
เนื่องจากเป็นธรรมเนียมของทางญี่ปุ่น ที่ไม่อนุญาติให้ถ่ายรูปใน Onsen
จึงเอารูปจากทางโรงแรมมาให้ชมกันแทนนะครับ
การตกแต่งภายในบริเวณออนเซ็นนั้นค่อนข้างเรียบง่าย และไม่ได้มีวิวสวยๆแบบ Ryokan
บนยอดเขาต่างๆ แต่ก็ถือว่าเพียงพอต่อการใช้บริการเพื่อผ่อนคลายร่างกายยามเย็น
Complimentary Drink & Snack
ข้อดีของโรงแรมในญี่ปุ่นส่วนใหญ่คือมักจะมีเครื่องทำชา-กาแฟ ให้กดได้ฟรีตลอดวัน
ซึ่งรวมถึง Courtyard by Marriott Hakuba ด้วยเช่นกัน
เครื่องกาแฟจะตั้งอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้น 1 สามารถกดได้ทั้งแบบ Black Coffee และ
Espresso
นอกจากชา-กาแฟแล้ว ยังมีน้ำเปล่าและน้ำผลไม้ให้บริการตลอดวันอีกด้วย
และทุกวันในช่วงบ่าย
ทางโรงแรมจะเตรียมขนมหวานสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมชาร้อนให้บริการฟรีอีกด้วย
Shuttle Bus ไปสถานที่ท่องเที่ยว
อีก 1 จุดเด่นของ Courtyard by Marriott Hakuba คือมี Shuttle Bus
ให้บริการไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมครบ ไม่ว่าจะเป็น Happo One / Iwatake
Mountain Harbour / Tsugaike ซึ่งเป็น 3 สถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของทาง Hakuba
เวลาดูตารางรถ ให้ดูตามสีด้วยนะครับ ช่องเวลาสีชมพูๆคือขึ้นได้อย่างเดียว /
สีเหลืองคือลงได้อย่างเดียว / สีขาวคือขึ้นหรือลงก็ได้
แม้ว่ารถบัสคันนี้จะผ่านโรงแรมและสถานี Hakuba
แต่ก็ไม่สามารถใช้เดินทางไปมาระหว่าง 2 ที่นี้ได้นะครับ
ตารางเวลา Shuttle Bus จะเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละปี สามารถเช็คตารางได้จากเว็บของทาง
Happo One / Iwatake Mountain Harbour / Tsugaike ได้โดยตรง หรือจะขอให้ทางโรงแรม
Print ตารางให้ก็ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ทางโรงแรมยังมีส่วนลดให้แขกที่มาพักทุกคนอีกด้วย
สามารถซื้อกับทางโรงแรมได้ในวันที่ต้องการจะเดินทาง (ไม่จำเป็นต้องซื้อล่วงหน้า)
Premium Room with Private Onsen
ความน่าสนใจของ Courtyard by Marriott Hakuba
คือมีห้องพักที่มีบ่อแช่ออนเซ็นส่วนตัว โดยน้ำในบ่อจะเป็นน้ำแร่ที่หมุนเวียนตลอด
ไม่สามารถปิดได้ ขนาดของบ่อแช่สามารถนั่งพร้อมกันได้ 2 คนสบายๆ
น้ำแร่ที่ไหลตลอดจะอุณหภูมิประมาณ 40 องศา ถ้าร้อนเกินไป
สามารถหมุนก็อกข้างๆบ่อแช่เพื่อเปิดน้ำเย็นปรับอุณหภูมิน้ำให้เหมาะสมได้
มาดูในส่วนของห้องพักกันบ้าง เตียงของ Courtyard by Marriott Hakuba จะเป็นแบบ
Twin ทั้งหมด ตัวเตียงเป็นล้อเลื่อน สามารถเลื่อนได้ แต่หัวเตียงขยับไม่ได้
ด้านในจะเป็นโซนนั่งเล่นสไตล์ญี่ปุ่น มีโต๊ะและเบาะให้นั่งเล่น
Welcome Amenity สามารถเลือกเป็น Point หรือว่าจะเลือกเป็นขนมและเครื่องดื่มก็ได้
โดยถ้าเลือกเป็นเครื่องดื่ม จะได้เบียร์ 1 ขวดเล็ก พร้อมขนมถุง
จัดมาได้น่ารักมากๆ
ตรงบริเวณตู้เสื้อผ้า จะมีฝูก ผ้าห่ม หมอนเตรียมเอาไว้ให้ในตู้
ครอบครัวไหนมาพร้อมเด็กๆ สามารถเลื่อนเก็บโต๊ะนั่งเล่น
และเปลี่ยนบริเวณนั่งเล่นเป็นที่นอนได้สบายๆ
บริเวณปลายเตียงจะมีชุดยูกาตะ
และถุงผ้าเช็ดตัวผืนเล็กสำหรับไปแช่ออนเซ็นของทางโรงแรม
บริเวณหัวเตียงจะเป็นแผงควบคุมไฟในห้องทั้งหมด
พร้อมกับมีปลั๊กให้เสียบชาร์จจากเตียงนอนได้ทั้ง 2 ฝั่ง
เมื่อมองจากโซนนั่งเล่นกลับไปทางเตียงนอน จะเห็นว่าตรงโซนห้องน้ำเป็นกระจกใส
มีแบ่งโซนเปียก โซนแห้งชัดเจน
สามารถปิดผ้าม่านได้สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวตอนอาบน้ำ
ภายในห้องจะมีน้ำแร่ให้ทั้งหมด 3 ขวด เติมให้ทุกวัน (ไม่รู้ว่าขอเพิ่มได้ไหม
ไม่ได้ถามทางโรงแรม)
ชา-กาแฟ มีให้เลือกหลากหลายทั้งแบบกาแฟดริป และแบบกาแฟสำเร็จรูป ในส่วนของชาเขียว
ITO EN ก็หอมใช้ได้เลย
บริเวณปลายเตียงจะเป็นทีวีจอแบนขนาดใหญ่ ช่องทีวีส่วนใหญ่เป็นญี่ปุ่นล้วน มี NHK
World ที่พอมีภาษาอังกฤษบ้าง
บริเวณห้องน้ำมีข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ให้ครบ เอาไปแต่ตัว
ข้าวของเครื่องใช้ไม่ต้องพกไปก็ได้
สุขภัณฑ์ตามสไตล์ญี่ปุ่น นั่งแล้วตูดอุ่น ล้างตูดง่าย แถมเป็นที่กดน้ำอัตโนมัติ
เอาจริงๆคือไฮโซกว่า Conrad Bangkok อีกนะ
วิวจากห้องพักชั้น 3 ได้วิวสีเขียวเต็มๆ มีความเป็นส่วนตัวระดับนึง
แต่เวลาอาบน้ำแต่งตัว ก็ควรปิดผ้าม่านซักนิดนะครับ 😁
ภาพรวมห้องพัก ถือว่าขนาดปรกติสำหรับประเทศไทย แต่ขนาดใหญ่สำหรับญี่ปุ่น
บ่อแช่ออนเซ็นในห้องนี่คือยืน 1 ในเรื่องความสบายเลยจริงๆ
อาหารเช้าที่ LavaRock
หนึ่งในสิทธิประโยชน์ที่คุ้มค่ามากๆของ Marriott Bonvoy รอบนี้ก็คือ
Complimentary Breakfast ทุกวัน ซึ่งอาหารเช้าของ Courtyard by Marriott Hakuba
เรียกได้ว่าเกินราคาไปไกลมาก
สิ่งที่ทำให้ ChaiMiles ปราบปลื้มอาหารเช้าของที่นี่มากๆ
ก็คือการที่อาหารส่วนใหญ่เป็นสไตล์ญี่ปุ่น และมีการใช้วัตถุดิบท้องถิ่นทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นแยมแอปเปิ้ลเนื้อของๆ Shinshu ข้าวสายพันธ์ Koshihikari
ที่ปลูกในเมือง Hakuba ไปจนถึงผลไม้อย่างเคพกูสเบอร์รี่
อาหารเช้าจะให้บริการที่ห้องอาหาร LavaRock ชั้น 1 เปิดตั้งแต่ 07:00 - 11:00
(Last Entry 09:30 และ Last Order 10:00)
เริ่มจากโซนเครื่องดื่มอย่างชาและกาแฟ มีแก้วกระดาษ
สามารถกดจากเครื่องทำกาแฟสดและเอาไปกินข้างนอกได้
ชาของ TWG แบบ Grand Crus Prestige ที่แม้แต่โรงแรม 5 ดาวทั่วไปก็ไม่ใช้เกรดนี้
เวลาขายเป็น Package ซองนึงจะอยู่ที่ 50 บาท ความหอมจะต่างจากชา TWG ทั่วไปมาก
ชอบอันไหน หยิบใส่กดน้ำร้อนได้เองเลย
น้ำผลไม้คั้นสด ใส่ในถ้วยเล็กจุ๋มจิ๋ม ส่วนใหญ่จะเป็น Grapefruit กับ Orange
รสชาติดี หวานนิด ฝาดหน่อยๆ
มาดูโซนอาหารร้อนกันบ้าง เริ่มจากเมนูไข่ Omelette ที่เลือก Topping
ได้ว่าจะใส่กับผักพื้นเมืองของ Hakuba หรือจะ Mix 4 มะเขือเทศ เบค่อน หัวหอม
และชีส หรือถ้าชอบแบบอื่นๆก็สั่งได้โดยตรงกับทางเชฟ
เมนูไข่ต้นด้านหน้า มีให้เลือกทั้งแบบต้ม 5 นาที / 8 นาที / 12 นาที
ชอบความสุขแบบไหนหยิบไปได้เลย
ข้างๆกันมีไข่ดาว Scramble และผักต่างๆ เลือกได้ตามชอบ ถ้ายังไม่ถูกใจ
เดินไปอีกหน่อยมีไข่ออนเซ็นให้เลือกอีกแบบ
ข้างๆกันเป็นโซนอาหารฝรั่ง ไส้กรอกและเบค่อน
ที่ญี่ปุ่นยังไม่เห็นที่ไหนทำเบค่อนกรอบแบบไทย น่าจะไม่ใช้สไตล์คนญี่ปุ่น
ถัดมาเป็นเมนูแกงกับ Hash Brown
ใกล้กันจะมีเมนูปลาหมักมิโสะย่าง สลับเปลี่ยนไปในแต่ละวันกับปลาซาบะย่าง
ขอบอกว่าปลาหมักมิโสะย่างที่นี่อร่อยมากๆ
ข้างๆกันเป็นเมนูข้าวปั้นโปะมิโสะย่าง กินกับซุปชา (Chasuke)
ต่อด้วยซุปมิโสะและเฝอ ซุปมิโสะที่นี่ไม่กะโหลกกะลานะครับ
เครื่องแน่นทั้งหัวไชเท้า เต้าหู้ และรากโกโบ
ถัดมาเป็นโซบะร้อน เส้นโซบะนี่ถือว่าเป็นของขึ้นชื่อของ Nagano
ถ้าใครมาเที่ยวโซนนี้จะเห็นเลยว่าร้านขายของฝากจะมีเส้นโซบะขายเยอะมากๆ
กินโซบะเปล่าๆมันไม่อร่อย ต้องโปะด้วยหมูชาชูหันชิ้นเล็กๆ
ตามด้วยมันโทโรโระและหัวหอม กินคู่กับไข่ออนเซ็น ฟินสำหรับคนชอบอาหารญี่ปุ่นมาก
ข้าวสวยและข้าวต้มของที่นี่ ใช้ข้าวสายพันธุ์ Koshihikari ของเมือง Hakuba เอง
ตัวข้าวหุงออกมาได้ดี นุ่มเป็นเงา ถึงจะสู้ Wako ไม่ได้
แต่ก็ทำได้ดีกว่าโรงแรมทั่วไปมาก
ที่ขาดไม่ได้สำหรับคนญี่ปุ่นก็คือถั่วเน่า (Nutto) ผงโรยข้าว และสาหร่ายย่าง
เอาไว้กินกับข้าวสวยอุ่นๆ
มาต่อกันที่โซนสลัดบาร์ ผักสลัดหลากหลายชนิดหั่นชิ้นเล็กพอดีคำ
ท็อปปิ้งด้วยแซลมอลรมควันและ Cold Cut แบบต่างๆ
คนรักชีสก็มีให้ครบ น้ำสลัดมีให้เลือกถึง 4 แบบ ตั้งแต่เอเชียไปจนตะวันตก
มาต่อกันที่เบเกอรี่ เริ่มจากครัวซองต์ที่ใช้เนยนำเข้าจากฝรั่งเศส
มีเตาติ๊งอุ่นร้อนให้พร้อม ตามด้วยขนมปังแบบต่างๆ
จัดซุ้มขนาดไม่ใหญ่ แต่มีให้เลือกหลากหลาย ของเติมไวไม่เคยพร่อง
เช้าๆใครชอบจิบชาสวยๆ คู่กับมัฟฟินก็มีให้เลือก 3 แบบ
มินิแพนเค้กและวาฟเฟิล ขนาดเล็กพอดีคำ Topping มีวางให้เลือกเยอะ
และที่ไม่ควรพลาดของสายเบเกอรี่ก็คือแยมของ Shinshu ทั้งแอปเปิ้ล สตรอเบอร์รี่
องุ่น เนื้อๆเน้นๆ
คอนเฟลกสำหรับเด็กมีให้เลือก 3 อย่าง อันนี้ไม่ได้ชิมเพราะเลยวัยไปไกลแล้ว
ผลไม้สดของที่นี่เหมือนฉีดน้ำตาลตามด้วยแช่น้ำเชื่อม
อะไรมันจะหอมหวานอร่อยขนาดนั้น อันนี้ไม่ได้เวอร์นะ เพราะหลังจาก Check-out
ที่นี่แล้วไปเจอเมล่อนมื้อเช้าที่ InterContinental Tokyo
นี่คือถึงขั้นร้องยี้เลยนะครับ ความอร่อยต่างกันคนละโลก
ส่วนที่เห็นด้านบนดึ๋งๆนั่นคือ Pudding มะม่วง
ตามด้วยเคพกูสเบอร์รี่อร่อยเข้มข้น บลูเบอร์รี่นี่เฉยๆ
ผลไม้ตากแห้งและโยเกิร์ตแบบต่างๆ เป็นอันจบอาหารเช้าของที่นี่ (เขียนเอง
ลงรูปเองยังเหนื่อยเลย แต่กินให้ครบนี่เหนื่อยกว่ามาก)
อาหารเย็นที่ LavaRock
มื้อเย็นที่ LavaRock จะเปิดให้บริการตั้งแต่ 18:30 เป็นต้นไป
โดยมีเสิร์ฟอาหารทั้งแบบ Course และ a la carte ช่วงสุดสัปดาห์คนจะแน่นมากๆ
แนะนำให้จองโต๊ะริมหน้าต่างล่วงหน้าก่อนนะครับ
สำหรับคนที่ไม่ได้เช่ารถขับ ร้านอาหารใกล้ๆโรงแรมส่วนใหญ่ยังปิดอยู่
จะมีเปิดให้บริการเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น และทางเดินบนถนนยามค่ำคืนค่อนข้างมืด
ส่วนตัวแนะนำให้กินในโรงแรมจะดีกว่านะครับ
สำหรับสมาชิก Marriott Bonvoy Platinum / Titanium / Ambassador จะได้รับส่วนลด
20% โดยคิดส่วนลดจากราคา net (ราคาที่แสดงในเมนูจะเป็นราคา net รวม VAT และ
Service เรียบร้อยแล้ว)
นอกจากนี้ ที่ห้องอาหาร LavaRock
ยังมีน้ำเปล่าให้บริการโดยที่ไม่ต้องเสียค่าน้ำเพิ่มแต่อย่างใด
Shinshu Combo 6,000 เยน
เริ่มจากเมนูแรกเป็น Shinshu Combo ซึ่งก็คือเนื้อหมู ไก่
และปลาแซลมอลท้องถิ่นของ Nagano มาพร้อมมันฝรั่งและผักย่าง
ซึ่งในเมนูนี้จะเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยหรือขนมปัง
Sauteed Spinach 700 เยน
Side dish ที่สั่งมากินเพิ่มคู่กันจานนี้เป็น Sauteed Spinach ปริมาณโอเค
แต่รสชาติไม่ค่อยถูกใจ
Spicy Chicken Wing 1,800 เยน
ของกินเล่นถัดมาเป็นปีกไก่ทอดรสเผ็ด ทางโรงแรมจะมีถุงมือพลาสติกให้
แบบเดียวกับการกินไก่ทอดเกาหลี ปีกไก่ทอดมาร้อนๆ ซอสรสชาติดีอร่อย
Shinshu Soba and Shrimp Tempura 1,700 เยน
เมนูโซบะกับกุ้งทอดเทมปุระ เมนูนี้ส่วนตัวคิดว่าไม่ผ่าน
รสชาติน้ำซุปกับเส้นน่าจะแบบเดียวกับอาหารเช้า ส่วนกุ้งตัวเล็กและแป้งหนาไปเยอะ
ราคาอาหารที่ LavaRock นั้นไม่ถูก แต่ถ้าคิดว่าได้ส่วนลดจาก Marriott Bonvoy
รวมถึงได้คะแนนด้วยแล้ว จะคิดเป็นส่วนลดประมาณ 30%
ซึ่งถือว่าค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับคุณภาพอาหารที่ได้
สรุปรายละเอียดการเข้าพัก
โรงแรม Courtyard by Marriott Hakuba เป็นอีก 1
โรงแรมที่คุ้มค่าสำหรับการใช้คะแนนแลกห้องพักมากๆ เพราะช่วงที่ไปพักเดือนตุลาคม
ราคาต่อคืนจะอยู่ที่ 40,000 เยน แต่สามารถใช้ 92,000 คะแนน ในการแลกห้องพัก 5
คืนติดต่อกัน
แม้ว่าโรงแรมนี้จะเป็นแค่โรงแรม 3 ดาว (อ้าอิงตาม Google Map) แต่คุณภาพงานบริการ
อาหารเช้า Lounge ตอนเย็น รวมไปถึงสภาพห้องพักและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ
ก็ต้องบอกว่า Courtyard ที่นี่คือ 5 ดาวที่มีออนเซ็นแทนสระว่ายน้ำ ข้อเสียเพียง 1
เดียวคือโรงแรมไม่มีรถรับส่งระหว่างสถานี Hakuba
ถ้าใครมีโอกาสมาเที่ยวแถวนี้ ChaiMiles ก็แนะนำให้มาลองพักที่นี่สักครั้ง